ทุกวันนี้... ผู้คนพยายามจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่ถ้าใครสามารถอธิบาย "ภาพเขียน" ได้ ภาพนั้นก็จะ
ไม่เป็นงานศิลปอีกต่อไป ...ผมจะบอกให้นะว่า
"คุณสมบัติ" อะไรที่สำคัญสำหรับงานศิลปที่สำหรับงานศิลปที่แท้จริง?
ภาพเขียนต้องไม่สามารถอธิบายได้...
มิอาจลอกเรียนแบบได้...
งานศิลปต้องจับคนดูไว้
โอบล้อมเขาและนำพาเขาล่องลอยไป
ศิลปินจะใช้ภาพเขียนเป็นเครื่องมือสื่ออารมณ์ของเขา...
เป็นพลังอันเริงแรงที่เขาเปล่งรัศมีออกมา
และดึงดูดผู้ชมให้สัมผัสอารมณ์ของเขา
...ปิแยร์ โอกูสตฺ เรอนัวร์

Tuesday, November 20, 2007

ประวัติเรอนัวร์


ปีแยร์-ออกุสต์ เรอนัวร์ (Pierre-Auguste Renoir) (25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2383 - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2462)]เรอนัวร์ เกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1841ที่เมืองไลโมจ [Limoges] ฝรั่งเศส ครอบครัวย้ายมาที่ปารีสตั้งแต่เขายังเล็ก เรอนัวส์ได้แสดงแววรักศิลปะตั้งแต่เด็กและได้เข้าไปฝึกงานที่โรงงานทำตุ๊กตาดินเผาเคลือบสี หลังจากโรงงานเลิกกิจการได้ช่วยพี่ชายวาดภาพตกแต่งพัด ระหว่างวัยเยาว์นั้นเรอนัวร์เดินเข้าออกในพิพิธภัณฑ์ลูฟด้วยความชื่นชอบผลงานของศิลปินฝรั่งเศสในอดีตหลายคนเช่น วาโต บูแชร์ และฟราโกนาร์ด ระหว่างปี 1870 ระหว่างเกิดการเคลื่อนไหวอันสำคัญของศิลปินหัวก้าวหน้าที่ต้องการบันทึกเรื่องราวในสังคมที่เกิดในปัจจุบันและใช้สีสันที่สดใสกว่าภาพของศิลปินในอดีต โดยการนำของศิลปินรุ่นพี่ที่สำคัญอันได้แก่ มาเนและกูรเบท์ในปี 1862 เรอนัวร์ตัดสินใจเข้าศึกษาศิลปะอย่างจริงจังที่สถาบันศิลปะ ดิเอธิเลียเกลอร์ [TheAtelier Gleyre] ได้รู้จักกับเพื่อนร่วมสถาบันได้แก่ โมเน ซิสลี และบาซิลี ภายหลังได้รวมหัวกันลาออกเพื่อศึกษาแนวทางศิลปะตามความเชื่อของตัวเอง ผลงานของเรอนัวร์ระยะแรกได้รับิอิทธิพลจากศิลปินรุ่นพี่คือกูรเบท์และมาเนเรอนัวร์รับเทคนิคการวาดภาพด้วยใบมีดจากกูรเบท์ภายหลังเขาได้พัฒนาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ในปี 1860 เรอนัวร์ยากจนมากไม่มีเงินแม้จะซื้อสีระหว่างปี 1866-1867 ผลงานของเขาถูกปฏิเสธจากกรรมการซาลอง แต่อีกสองปีต่อมาผลงานของเขาชื่อ Lise เรอนัวร์พยายามพัฒนาเทคนิคการวาดภาพโดยการศึกษาจากศิลปินรุ่นพี่อีกหลายคนเช่นเดอลากรัว และกามีร์โกโร โดยเฉพาะเทคนิคของเดอลากรัวเห็นชัดเจนจากภาพของเขาชื่อ โอดาลิสก์ [Odalisque, 1870] ในปี 1869 เรอนัวร์ออกไปวาดภาพนอกสถานที่เคียงคู่กับโมเนที่สถานตากอากาศริมแม่น้ำเซน ผลงานยุคนี้เริ่มเข้าสู่เอกลักษณ์ของลัทธิประทับใจนักวิจารณ์ศิลปะชื่อ โฟเบ พูล [Phoebe Pool]ได้เขียนบันทึกไว้ว่า "เขาคือเรอนัวร์และโมเนที่ได้ค้นพบว่าในเงามืดไม่ได้เป็นสีน้ำตาลหรือสีดำอย่างที่ศิลปินในอดีตเคยวาด แต่เป็นสีที่เกิดจากสีแวดล้อม แต่สีในตัววัตถุย่อมเปลี่ยนแปลงตามแสงที่เรามองเห็น ซึ่งเกิดจากการสะท้อนจากสีในวัตถุอื่น ๆ หรือเกิดจากการตัดกันของสีข้างเคียง ปี 1874 เรอนัวร์ได้ร่วมนิทรรศการผลงานอิมเพรสชั่นนิสม์ร่วมกับเพื่อนศิลปิน คนอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 1870เป็นต้นมาผลงานเรอนัวร์ได้รับความสนใจจากนักสะสมหลายคน ผลงานของเขาเริ่มขายได้และได้รับวาดภาพครอบครัวของนักสะสมเหล่านี้หลายภาพ เช่นภาพของครอบครัวชาร์เพนเทียร์ [The Charpentiers] ระหว่างนี้เรอนัวร์ได้สร้างผลงานที่บันทึกชีวิตผู้คนในอิริยาบทที่กำลังพักผ่อน หรือกำลังรื่นเริงตามสถานบันเทิง ที่รู้จักกันมากที่สุดคือภาพชื่อ งานบอลล์ที่มูแลงเดอกาเล [The Swing and The Ball at The Moulinde Gallette] เรอนัวร์ได้แสดงภาพความงดงามของผู้คนในงานรื่นเริงเหล่านี้โดยเฉพาะภาพผู้หญิงสวยที่อวดเนื้อหนังที่ขาวอวบสมบูรณ์งดงาม ตั้งแต่ปี 1880 เป็นต้นมาเรอนัวร์พยายาพัฒนาสไตล์ของตัวเองที่แปลกแยกกว่าแบบอิมเพรสชั่นนิสม์เดิม ภาพระยะหลังส่วนใหญ่เป็นภาพผู้หญิงที่เน้นรูปทรงและเส้นรอบนอกที่ชัดเจนซึ่งเขาได้รับอิทธิพลจากศิลปะแนวคลาสิกโดยเฉพาะผลงานของราฟาเอลซึ่งเรอนัวร์ชื่นชมภายหลังที่ได้เดินทางไปชมงานที่อิตาลี ผลงานในยุคสุดท้ายภายหลังปี1880 เป็นต้นมาผลงานส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความงามของสตรีเพศในอิริยาบทต่าง ๆ เช่น ภาพผู้หญิงเปลือย ภาพผู้หญิงอาบน้ำ ผู้หญิงอ่านหนังสือ ผลงานในยุคนี้นับว่าเรอนัวร์ประสบผลสำเร็จอย่างสูงทั้งทางด้านชื่อเสียงและทางการเงิน ผลงานหลังปี 1903 มีลักษณะฝีแปรงที่หยาบรูปทรงของผู้หญิงมีทรวดทรงอวบอ้วนเกินพอดีเหตุมาจากโรคไขข้ออักเสบ จนมือไม่สามารถจับพู่กันเขาต้องใช้เศษผ้ามามัดพู่กันกับมือ เรอนัวร์เสียชีวิตวันที่ 3 ตุลาคม 1919 ที่เมืองคาเยสเซอร์เมอร์นับว่าเรอนัวร์ได้พยายามต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะ ต่อสู้กับความจนแม้จะได้รับชัยชนะเขาต้องมาสู้กับสุขภาพของตัวเองสุดท้ายก็ต่อพ่ายแพ้ต่อสังขาร แต่ชัยชนะของเขาคือผลงานของเขาชื่อ มาดามยอร์จ ชาร์เพนเทีย ทางรัฐบาลซื้อเพื่อนำมาแสดงถาวรที่พิพิธภัณฑ์ลูฟตั้งแต่เขายังมีชีวิต

No comments: